วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับวิธีไล่หนูแบบเดิมๆ


 อาหารเสริมฟอลาชิน (folacin) ในอัตรา 200% ของระดับที่ร่างกายต้องการประจำวัน สามารถกำจัดความพิการของเส้นทางประสาท (ที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์) ไต้ ความพิการนี้ เป็นความพิการแต่กำเนิดที่พบกันทั่วไปเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า สปีนัล บิพิดา (spinal bifida ซึ่งเป็นความพิการของสมองและหลัง เด็กที่พิการเช่นนี้มาแต่กำเนิด ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้)ศูนย์ควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ไต้ออกแถลงการณ์สนับสนุนให้สตรีวัยเจริญพันธุ รับประทานฟอลาชิน ขณะเดียวกัน ก็มีหน่วยงานอีกหน่วยหนึ่งของรัฐบาลกลาง คือองค์การอาหารและยา ซึ่งกำลังดำเนินความพยายามอย่างจริงจังที่จะทำให้อาหารเสริม เป็นเหมือนกับยาอันตราย ซึ่งต้องให้แพทย์สั่งo เป็นที่ปรากฎแล้วว่า สารอาหารต่างๆ ในระดับที่สูงกว่าคำแนะนำว่าร่างกายควรจะได้รับเป็นประจำทุกวัน (หรือระดับ อาร์ดีเอ) ประกอบด้วยวิตามินบี6 ธาตุสังกะสี ซีลีเนียมและวิตามินอี จะช่วยเพิ่มหน้าที่ของภูมิคุ้มกันให้สูงกว่าที่  ยอมรับว่าเป็นระดับ “ปกติ” ซึ่งระดับปกตินี้ ประกอบด้วยการเป็นหวัดปีละ

6 ครังและมีโอกาสเกิดมะเร็งในท้ายที่สุด 33% วิตามินอีเสริม  เครื่องไล่ยุง ที่ระดับ 600% ของระดับอาร์ดีเอ ช่วยลดดวามเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงได้อย่างมาก อาหารเสริมจำพวกไนอะซิน เป็นสารที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นพิษซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในซีรั่ม หรือนํ้าเลือดลงได้ เมื่อรับประทานในระดับ1000% ของระดับอาร์ดีเอ  ปัญหาทางจิตชนิดที่เป็นกรรมพันธุบางอย่าง รวมทั้งออทิสซึ่ม (หรือสภาพ“จิตบอด”) สดีโซเฟรเนีย (จิตเภท หรือจิตแตกไม่รู้ว่าอะไรเป็นจริงอะไรเป็นภาพหลอน) และความผันผวนของอารมณ์ที่เรืยกว่า ไบโพลาร์ (bipolar คือมีอารมณ์หดหู่ซึมเศร้าอย่างแรง สลับกับความร่าเริง เป็นสุขปลาบปลื้มอย่างมาก)ผู้ที่มีปัญหาทางจิตเหล่านี้ จะมีอาการดีขึ้น และบางครั้งก็หายได้ หากได้รับสารอาหารในระดับที่ให้เพื่อการรักษา ในกรณีของออทิสซึ่ม เครื่องไล่หนูยี่ห้อไหนดี ก็ให้วิตามินบี-6 กับธาตุแม็กนิเซึยม สดีโซเฟรเนีย ให้สารอาหารมากมายหลายอย่าง และไบโพลาร์ให้สารฟอสเฟไทติลคอไลน์ (phosphatidylcholine) กับไทโรซึน (tyrosine)5โดยสารสำคัญแล้ว สารอาหารต่างๆ เป็น “กลไกที่ปรับการตอบสนองทางชีววิทยา” ซึ่งสามารถเลือกได้ ด้วยการพิจารณาถึงผลข้างเคียง ประสิทธิผลและค่าใช้จ่าย (ต้นทุน) หากต้องการดูผลการศึกษานับพันๆ ชิ้น ซึ่งแสดงคุณค่าในเชิงรักษาโรคของสารอาหารต่าง ๆ ตามหลักวิชาการ ให้ลึกซึ้ง ขอให้ดูหนังสือเรื่องHealing Nutrients (สารอาหารที่เยียวยาให้หายจากโรค  โดย ดร.แพ็ตทริคควินลิน)Nutritional Influence on Illness (อิทธิพลของโภชนาการต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย) ของนายแพทย์เมลวิน เวอร์บาค (Melvyn Werbach, M.D.)The Real Vitamin and Mineral Book (หนังสือตำราวิตามินและแร่ธาตุแท้) ของดร. ซารี ไลเบอร์แมน (Shari Lieberman, PhD, RD)The Encyclopedia of Natural Medicine (สารานุกรมการแพทย์ธรรมชาติ)ของไมเคิล มุร์เรย์ (Michale Murray ND)The Doctor’s Vitamin and Mineral Encyclopedia (สารานุกรรมวิตามินและแร่ธาตุสำหรับแพทย์) ของนายแพทย์ เซลดอน เฮนด์เลอร์ (SheldonHendler, MD.)มีแนวโน้มที่ซัดเจนและไม่ผิดพลาด ในงานวิชาการที่แสดงให้เห็นว่าสารอาหารในขนาดสูง มิคุณในเชิงที่อาจช่วยในการรักษาโรคได้ โดยมิผลข้างเคียงน้อยมากการประสานกับการแพทย์ กำจัดหนูในบ้าน การนำเอาอาหารเสริมมาร่วมประสานกับวิชาการด้านเนื้องอกวิทยาในแบบดั้งเดิม เพื่อการรักษาเนื้องอก มิลู่ทางว่าจะเติบใหญ่งอกงามขึ้นตลอดช่วงทศวรรษที่ 1990 และจะกลายมาเป็นแบบอย่างการรักษามะเร็งแบบรอบด้าน ที่ได้รับการยอมรับ ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาและมีประสิทธิภาพเมื่อพิจารณาในแง่ของค่าใช้จ่าย ผมยังไม่เห็นข้อมูลที่แน่นอนใด ๆที่แสดงว่า การรักษาด้วยโภชนาการที่เหมาะสม จะลดคุณค่าของวิธีการรักษามะเร็งอย่างที่ใช้กันอยู่ กล่าวโดยย่อแล้ว ข้อได้เปรียบของการนำเอาโภชนาการมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็งมีดิงต่อไปนื้คีอ1.    หลีกเลี่ยงการขาดสารอาหาร มะเร็งสร้างภาระอันหนักหน่วงให้แก่ร่างกาย มีบ่อย ๆ ที่ทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นเนื้อล้วน ๆ ซูบลงไป เพราะร่างกายจะ“กิน” แหล่งสำรองโปรตีนของตัวเองเพื่อประทังชีวิตไป เนื้องอกเป็นกาฝากสำคัญที่สูบเอาอาหารสำรองไปจากร่างกายที่มันสิงสู่อยู่   กาวดักหนู  มีบ่อยครั้ง ที่อาการอย่างแรกของโรคมะเร็ง คือนํ้าหนักลด เนื้องอกมากมายสามารถทำให้ตัวคนที่มีมันมาสิงสู่อยู่ หมดความอยากอาหาร การขาดอาหารทำให้ผู้ป่วยยิ่งอ่อนแอมากขึ้น เมื่อเนื้องอกโตขึ้น และยังอาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์น้อยลง ขณะเดียวกัน ก็สูญเสียคุณภาพชีวิตไปมากโภชนบำบัดจึงเป็นการรักษาอย่างเดียวที่ช่วยได้ในเรื่องการขาดสารอาหาร2.    ลดอาการอันเกิดจากการรักษามะเร็งแบบธรรมดา ผู้ป่วยที่ได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสม จะประสบกับอาการคลื่นไล้น้อยกว่าคนไข้ที่ได้รับการรักษา  ตามโปรแกรมตามหลักเนื้องอกวิทยาปกติ ไม่รู้สึกทรมาน รวมทั้งไม่ผมร่วงมากเท่าและสร้างความเป็นพิษแก่อวัยวะน้อยลง    บางครั้ง คนไข้โรคมะเร็งจะเลิกการรักษาเพราะผมร่วง ซึ่งเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัดแทบทุกคน กระนั้นการศึกษาก็แสดงให้เห็นว่า หากว่า ให้ผู้ป่วยรับวิตามินอีวันละ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1600 หน่วยสากลเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มการรักษา ผู้ป่วยที่ผมจะไม่ร่วง จะมีถึง 69%6

เมื่อให้สารแอนตี้อ็อกชิแดนท์ในปริมาณมากแก่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัด  กรงดักหนู ความอ่อนเปลี้ยและคลื่นไส้ที่เป็นผลตามมา จะสามารถลดลงได้อย่างมาก    ผลข้างเคียงที่ปรากฎทั่วไปอีกอย่างหนึ่งของเคมีบำบัด ก็คือแผลในปาก หรือเยื่อบุอักเสบซึ่งผู้ป่วยจะเจ็บปวดมาก และมีส่วนทำให้การบริโภคอาหารเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย ในการศึกษาแบบที่ให้ทั้งแพทย์และผู้ป่วยไม่รู้ว่าใครได้รับยาจริงหรือยาหลอกปรากฎว่า ผู้ป่วยที่ได้รับวิตามินอีเฉพาะที่ ตรงบริเวณที่เป็นแผลเจ็บในปากปรากฎว่าผู้ป่วย 67% มีอาการดีขึ้นในระยะ 5 วันที่ได้ทดสอบ ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 11% เท่านั้น ที่แสดงว่ามีอาการดีขึ้น7 เบต้า-คาโรทีนได้แสดงให้เห็นว่ามิความสามารถในทำนองเดียวกัน ในการป้องกันแผลในปากพวกนี้โต้8 เป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว ที่นักวิทยาศาสตร์ทราบว่า การปรับปรุงคุณภาพของอาหารโดยรวมก่อนและระหว่างการรักษาด้วยกา ฉายรังสี จะทำให้ผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อรังสีบำบัดได้ดีขึ้น

วิธีไล่หนู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น