วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การใช้สมุนไพรกำจัดกลิ่นหนูตาย วิธีธรรมชาติที่สามรถทำเองได้ง่ายๆ







 มีงานหนักคือเฝัาหน้าเครื่องรับวิทยุ ใครที่ไม่มีอะไรทำหลังจากจะช่วยตรวจปรู๊ฟบ้างแล้วก็มองหาที่นอน ใครที่ใช้เก้าอี้ก็ต้องใช้เก้าอี้สามตัวตั้งเรียงสลับพอเหมาะ หาอะไรมาใช้ต่างหมอนเท่านั้น จะว่าไปแล้วการล้มตัวลงนอนไม่มีทางจะหลับได้สนิทเหมือนนอนบ้าน ยิ่งคุณวิจิตรด้วยแล้วไม่ต้องกลับบ้านเพราะอยู่ในย่านทหารเรือแถมต้องฝ่าด่านทหารบกกับตำรวจ๓๐ มิถุนายน ตื่นเช้าล้างหน้า แปรงฟัน (ชื้อหาใหม่พร้อมยาสีฟัน)เส!จสรรพต้องหามื้อเช้ากินกันเองแถวสี่พระยาหากินได้ไม่ยาก ข้าวราดแกงมีตั้งแต่เช้าหรือแม้แต่ข้าวหน้าเป็ด ผมจำไม่ได้ว่าคุณทนงนอนโรงพิมพ์หรือเป็นคุณพูนศิลป็ คนใดคนหนึ่งนี่แหละลังงานว่าให้เอารถออกตระเวนมีผม-เฉลิมและบรรจบพร้อมอนันต์ช่างภาพจุดแรกเลี้ยวไปทางสีลม โรงพยาบาลเลิดสินหัวถนนมีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เสร็จแล้วย้อนออกมาทางเจริญกรุงเพื่อจะมุ่งไปโรงพยาบาลกลางเก็บจำนวนคนเจ็บและดูรายชื่อคนเจ็บเผื่อจะมีคนสำคัญถูกลูกปีน บรรยากาศตามถนนที่เคยจอแจคับคั่งด้วยยวดยานก็ลดน้อยลงมากทีเดียวจาก'โรงพยาบาลกลางลัดออกมาสำราญราษฎร์-ซนะสงคราม-เข้านางเลิ้ง-ออกพญาไท-แวะปทุมวันแล้วขับรถมาตามถนนอังรืดูนังต์ หยุดตรงสี่แยกก็เห็นรถจี๊ปตระเวนของ “พิมพ์ไทย” ผ่านหน้าไป มีฝ่ายปราบปรามตามไปด้วย เราหยุดรถตรงนั้นมองตามไปก่อนจะตัดสินใจทำอย่างหนึ่งอย่างใด แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจี๊ปฃอง “พิมพ์ไทย” ที่กำลังจะกลับเข้าโรงพิมพ์ที่สีลมนั้น ไกลออกไปเป็นกำลังของทหารเรือที่ตั้งรับ ส่วนทางด้านหลังจี๊ปนักข่าวก็เป็นทั้งตำรวจและทหารบกสาดกระสุนเข้าไปหา เรียกว่าเหมือนเอาจี๊ปคันนั้นเป็นรถกังกำบัง จี๊ปคง สมุนไพรดับกลิ่นหนู ไม่ยอมที่จะถูกใช้แบบนั้น คนขับหักลงคูข้างถนน

 (สมัยนั้นหน้าจุฬาลงกรณ์ฯ มีดูนํ้าค่อนข้างกว้างยาวไปตามแนวถนน)ทุกคนเปียกนํ้ามอมแมมแต่ก็ดีกว่าที่จะมีใครสักคนหรือสองคนถูกลูกปีนเดชะบุญที่ฝ่ายทหารเรือมิได้ยิงสวนออกมา จากสาเหตุนั้นทำให้ทั้งตำรวจ-ทหารบกกระจายกันออกหมอบอยู่ข้างถนน ส่วนจี๊ป “ทิมพํใทย” กสับมากู้เมื่อใดก็ไม่ทราบตกบ่าย ผมถูกปล่อยเดี่ยวพร้อมด้วยกล้องถ่ายรูป คุณอนันต์ส่งกล้องให้พร้อมกับบอกว่า “ฟิล์มตัด” หมายถึงว่า เป็นฟิล์มที่ตัดมาจากกล้องไหนก็ไม่รู้ เอาส่วนที่ถ่ายแล้วออกไปล้าง ส่วนที่เหลือใส่เข้าไปใหม่,ผมไม่ได้ซักอะไรอีก คว้ากล้องได้ก็ออกมาหารถที่จะไปโรงพักกลางกับโรงพยาบาลกลาง เมื่อมาถึงโรงพักกลางแล้วผมก็เตร่เข้าไปที่ห้องขังเผื่อว่าจะพบการจับกุมผู้ต้องหาบ้าง ถามเสมียนเวรก็สันหน้า ไม่พูดอะไรเลยผมจึงตัดสินใจจะเดินไปโรงพยาบาลกลางเพราะไม่ไกลเลยแต่พอเดินมาถึงหัวมุมวัดคณิกาผล (อยู่เยื้อง+โรงพักกลาง) ก็รู้สึกตัวว่ามีใครจับแขนผมไว้ เมื่อหันมาจึงพบว่าเป็นพลตำรวจ “มีเรื่องอะไรหรือ” ผมถาม“ผู้หมวดให้ผมพาคุณไปพบ” เครื่องไล่หนูยี่ห้อไหนดี  นั่นคือคำตอบผมไม่คิดอะไรมากเดินตามพลตำรวจคนนั้นไป ซึ่งพาผมเข้าไปในห้องของร้อยเวร (ผมนึกชื่อไม่ออก) แล้วผมก็ถาม “มีอะไรกับผมหรือครับ”“ขอฟิล์มในกล้องให้ผม”ผมนึกถึงคำของคุณอนันต์ว่าเป็นฟิล์มที่ตัดมาก็จริง แต่เกิดความไม่แน่ใจว่ามีการจำสลับหรือเปล่า ฟิล์มในกล้องอาจจะค้างอยู่ยังไม่ได้ตัดออกก็ได้ ผมนิ่งและตัดสินใจไม่ได้ “เอ้า ว่าไง”เมื่อถูกกระตุ้นเช่นนั้นผมก็ตัดสินใจเอากล้องออกมาและทำอย่างเร็ว คือเปิดหลังกล้องทันทีเพราะถ้าจะมีฟิล์มค้างอยู่ภาพที่ถ่ายไว้ก็จะเสีย๑๒๒ ฝ่าทะเลนํ้าหมึกปรากฏว่าเป็นฟิล์มที่ตัดแล้ว ผมทำไม่รู้ไม่ซี้ม้วนฟิล์มส่งให้โดยดีแล้วนายร้อยเวรผู้นั้นก็สอบปากคำ ด้วยคำถามที่ว่าก่อนหน้านี้แวะที่ไหน ถ่ายรูปหรอเปล่า มีการถ่ายภาพในโรงพักนี้หรือเปล่า ผมตอบตามตรงทุกคำถามดูเหมือนจะมีคำถามอื่นอีก เส!จแล้วก็ให้ผมเซ็นชื่อท้ายคำให้การหลังจากอ่านให้ฟังอีกครั้งแล้วผมยกมือไหว้เพื่อจะลากลับ คว้ากล้องถ่ายรูป

“ยังเอาไปไม่ได้”“ยึดไว้หรือครับ” นายร้อยเวรผู้นั้นพยักหน้า ผมจึงเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วกลับเข้าโรงพิมพ์ทันที จากนั้นเล่าเรื่องให้คุณสมบูรณ์ฟังทั้งหมด คุณสมบูรณ์หันไปหยิบโทรศัพท์“ทำอย่างนี้ไม่ได้” คุณสมบูรณ์บ่น แล้วจัดแจงต่อโทรศัพท์ ผมไม่ทราบว่าต่อไปที่ไหนผมจึงหันออกมา ได้ยินคุณสมบูรณ์พูด “ที่นี่หนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ผมสมบูรณ์บรรณาธิการพูด ขอพูดกับท่านรอง” ผมชะงักฟัง จึงได้ยินคุณสมบูรณ์พูดต่อด้วยการเล่าเรื่องของผมและถามว่า“ตำรวจ,ไม,มีอำนา1จยิดเอากล้องถ่ายรูป'ไว้ คนของผมไปทำงานตามปกติผมยืนยันครับว่า เราไม่ได้อยู่ข้างไหนทั้งนั้น”เมื่อวางโทรศัพท์แล้วคุณสมบูรณ์จึงบอกว่า “เขาจะลังให้คืนกล้อง”เรื่องที่เกิดขึ้น ผมเล่าให้เพื่อนฝูงฟัง ปรากฏว่าวันนั้นมืการยิงตอบโต้กันระหว่างเครื่องบินเอที ๖ ของกองทัพอากาศที่บินมา ๒ หมู่ หมู่ละ เครื่อง เป้าหมายคือกองเรือรบ กรมอู่ทหารเรือ และยังปรากฏอีกว่าเรือรบหลวงศรีอยุธยาก็ถูกระเบิดจนเอียงกระเท่เร่ เรือยังไม่จมทันที ซึ่งปรากฏต่อมาว่ามืการนำจอมพล ป. พิบูลสงคราม ออกมาจากเรือลำนั้นด้วยความปลอดภัยก่อนพระอาทิตย์จะลาลับฟ้า  สัญญาณคลื่นไล่หนู คุณวิจิตรโผล่เข้ามาสำนักงานพร้อมด้วยผู้ชายคนหนึ่ง ผิวคล้ำ เอาฟิล์มม้วนหนึ่งมายื่นให้คุณสมบูรณ์พร้อมกับบอกว่า “เป็นฟิล์มเรือศรีฯ ที่ถูกทิ้งระเบิด” เมื่อล้างออกมาแล้วเป็นภาพ-ข่าวที่สวยงามมาก “คนถ่ายอยู่บ้านริมนํ้าฝังธน เขาไปหาผม พอรู้ว่าเป็นภาพอะไรกิรีบหารถมาทันที” คุณวิจิตรบอกช่างภาพผู้นี้จะถือว่าเป็นมือสมัครเล่นกิได้ แต่ต่อมานั้นถือว่าเป็นมือฉมัง มีร้านถ่ายภาพชื่อ “โมนาลิซ่า” เป็นผู้รอบรู้เกี่ยวกับพระเครื่องจนขึ้นชื่อลือชาเขาคือประชุม กาญจนวัฒน์ ผู้เริ่มต้นเข้าวงการด้วยภาพเอียงกระเท่เร่ของเรีอรบหลวงศรีอยุธยาที่กล่าวขวัญกันที่วไปในตลาดสี่พระยากับบางรัก ปรากฏว่าข้าวสารขึ้นราคาจาก ก.ก.ละ ๑๕บาท-เป็น ก.ก.ละ ๒๗ บาท เรียกว่าเกือบเท่าตัว หมูเนื้อแดงจาก ก.ก.ละ๑๕ บาทขึ้นเป็น ๑๗ บาท ผักสารพัดขึ้นราคาหมด คนขายบอกว่า กำจัดหนู ซาวสวนผักยังไม่แน่ใจว่าจะยิงกันต่อไปอีกนานไหม แต่มีบางคนบอกว่าเมื่อคืนก่อนยังได้ยินเสียงจอมพล ป. อยู่เลย เห็นว่าพูดมาจากเรือศรีฯ ข่าวคราวจึงอยู่ข้างสับสน สำหรับกองสัญญาณนั้นถูกยึดและข่าวว่ามีการจับผู้การกองสัญญาณ หัวถนนวิทยุด้วยกองสัญญาณนื้ใซ้เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงรายงานเหตุการณ์ตลอดเวลา จนถึงแค่วันที่ ๓๐ มิถุนายนก็เงียบหายไปผมจะไม่กล่าวถึงการ “จี้” จอมพล ป. โดย น.ต.มนัส จารุภา ให้ยาวความ  เครื่องไล่หนูราคา แต่จะเล่าถึงผลที่ตามมาของเหตุการณ์ที่ฝ่ายก่อการพ่ายแพ้และกลายเป็นกบฏไปทันทีนั้นทำให้มีการเรียกบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไปพบโดยขอให้เสนอข่าวและภาพในทางสร้างสรรค์ อย่าเสนอในด้านที่อาจก่อความแตกร้าวได้ ขณะเดียวกันจอมพล ป. ก็ขอบคุณฝ่ายปฏิบัติการของทหารบกและทหารอากาศที่สามารถสยบ “กบฏ” ลงได้ในเวลาไม่นานนัก


เครื่องไล่หนู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น